Browse By

Monthly Archives: October 2025

ผู้จัดการทีม นิวคาสเซิ่ล ชื่นชมผลงานหลังเปิดบ้านชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0

ค่ำคืนที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ก กลายเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของทีม “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงพลัง ความมั่นใจ และการเล่นที่มีระบบภายใต้การคุมทีมของเอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีมหนุ่มชาวอังกฤษ หลังเปิดบ้านเอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมนี้ไม่เพียงทำให้นิวคาสเซิ่ลเก็บสามคะแนนสำคัญได้เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำให้เห็นถึงพัฒนาการที่ต่อเนื่องของทีมที่กำลังเดินหน้าไล่ล่าความสำเร็จในยุคใหม่ได้อย่างน่าจับตา จากเสียงนกหวีดเริ่มเกม บรรยากาศในสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ก เต็มไปด้วยพลังของแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ส่งเสียงเชียร์กึกก้องตลอด 90 นาที ฮาวจัดทัพด้วยระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคย โดยมีคัลลัม วิลสัน ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ขนาบข้างด้วยมิเกล อัลมิรอน และแอนโธนี่ กอร์ดอน ส่วนแดนกลางมีบรูโน่ กิมาไรส์ คุมเกมร่วมกับฌอน ลองสตาฟฟ์ และโจลินตัน เกมรับยังคงใช้ฟาเบียน แชร์ และสเวน บ็อตแมน

เรนเจอร์ส ปลด รัสเซล มาร์ติน ออกจากโค้ช หลังคุมทีมเพียง 4 เดือน

วงการฟุตบอลสกอตแลนด์เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อสโมสรกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ตัดสินใจปลด รัสเซล มาร์ติน ออกจากตำแหน่งหัวหน้าโค้ชอย่างเป็นทางการ หลังจากคุมทีมได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลและสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง เพราะอดีตกองหลังทีมชาติสกอตแลนด์รายนี้เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงซัมเมอร์ และหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาจะได้เวลามากกว่านี้ในการปรับทีมให้เข้ากับแนวทางฟุตบอลสมัยใหม่ของตน การปลดมาร์ตินเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เรนเจอร์สบุกไปพ่ายให้กับคิลมาร์น็อค 0-2 ในเกมลีกสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้ทีมหล่นลงไปอยู่อันดับ 4 ของตารางคะแนนตามหลังคู่ปรับตลอดกาลอย่างเซลติกถึง 9 แต้ม สื่อสกอตแลนด์รายงานว่าบอร์ดบริหารของเรนเจอร์สได้เรียกประชุมฉุกเฉินในเช้าวันถัดมาและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แยกทางกับมาร์ตินทันที โดยให้เหตุผลว่า “ผลงานในสนามไม่เป็นไปตามเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาทีมไม่ชัดเจน” รัสเซล มาร์ติน เข้ามารับงานที่ไอบร็อกซ์ในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางความคาดหวังสูงหลังจากสร้างชื่อกับสโมสรเซาแธมป์ตันในฤดูกาลก่อน แม้จะไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้นในพรีเมียร์ลีกได้ แต่สไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลและการเพรสซิ่งเชิงรุกได้รับคำชมอย่างมากจากแฟนบอลและนักวิเคราะห์ฟุตบอล จึงไม่น่าแปลกใจที่เรนเจอร์สซึ่งต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากทีมที่เล่นฟุตบอลแบบระมัดระวัง มาเป็นทีมที่เล่นเกมรุกดุดันและมีเอกลักษณ์ จึงเลือกมอบโอกาสให้เขาคุมทีม อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา 4 เดือนของมาร์ตินในกลาสโกว์กลับไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ผลงานในลีกเริ่มต้นได้อย่างน่าผิดหวังด้วยการเสมอและแพ้ในหลายเกมสำคัญ โดยเฉพาะในเกม “โอลด์เฟิร์มดาร์บี้” กับเซลติกที่พ่ายคาบ้าน 1-3 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แฟนบอลเริ่มหมดความอดทน เสียงโห่จากบนอัฒจันทร์ไอบร็อกซ์ดังสนั่นในวันนั้น และแม้บอร์ดบริหารจะพยายามให้เวลาเขาแก้ไขสถานการณ์

คริสตัล พาเลซ ยอมรับเป็นความผิดหวังอย่างยิ่ง หลังพ่าย เอฟเวอร์ตัน 1-2

ค่ำคืนแห่งความผิดหวังของแฟนบอล “ดิ อีเกิ้ลส์” เกิดขึ้นที่สนามเซลเฮิร์สต์ พาร์ก เมื่อ คริสตัล พาเลซ ทีมขวัญใจแห่งลอนดอนใต้ ต้องพบกับความพ่ายแพ้อันเจ็บปวดต่อเอฟเวอร์ตัน 1-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุด ผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นไม่เพียงทำให้พวกเขาชวดแต้มสำคัญ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความไม่คงเส้นคงวาในฟอร์มการเล่นที่รอย ฮอดจ์สัน ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน หากไม่ต้องการให้ฤดูกาลนี้กลายเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก เกมนี้คริสตัล พาเลซลงสนามด้วยความมั่นใจหลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาทำผลงานได้ดีในเกมเยือน แต่เมื่อกลับมาเล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองกลับไม่สามารถรักษามาตรฐานเดิมได้ โดยเริ่มเกมมาเพียงไม่ถึง 10 นาที ทีมเยือนเอฟเวอร์ตันที่นำโดยฌอน ไดช์ ก็สร้างความกดดันทันที และได้ประตูขึ้นนำจากลูกยิงของโดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน ที่อาศัยความผิดพลาดของแนวรับเจ้าถิ่นในการประกบตัว บอลหลุดมาถึงหัวหอกทีมชาติอังกฤษที่หมุนตัวยิงเสียบมุมอย่างเฉียบขาด ทำให้พาเลซต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตามหลังตั้งแต่ต้นเกม เสียงเชียร์ในสนามเงียบลงทันที บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคาดหวังกลายเป็นความกดดัน รอย ฮอดจ์สัน ยืนกอดอกอยู่ข้างสนามพร้อมสีหน้าที่นิ่งแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ ลูกทีมของเขาพยายามตั้งเกมใหม่โดยอาศัยการขึ้นบอลทางกราบซ้ายจากวิลฟรีด ซาฮา อดีตดาวเตะที่กลับมาช่วยทีมในฤดูกาลนี้ แต่แนวรับของเอฟเวอร์ตันยังคงเหนียวแน่น และแสดงให้เห็นถึงระเบียบวินัยในเกมรับที่ชัดเจนซึ่งเป็นจุดแข็งของทีมในยุคของไดช์ พาเลซพยายามครองเกมมากขึ้นในช่วงกลางครึ่งแรก และพวกเขาก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่

แอตเลติโก มาดริด สะดุดได้เพียงเสมอ เซลต้า บีโก้ 1-1

ค่ำคืนที่สนามเอสตาดิโอ เด บาไลดอส กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนบอล แอตเลติโก มาดริด ต้องรู้สึกเสียดาย เมื่อทีมรักของพวกเขาทำได้เพียงบุกไปเสมอกับเซลต้า บีโก้ 1-1 ทั้งที่เป็นฝ่ายครองบอลและสร้างโอกาสได้มากกว่าเกือบตลอดทั้งเกม ผลการแข่งขันนี้ทำให้ “ตราหมี” พลาดโอกาสเก็บสามคะแนนสำคัญในการไล่ล่าจ่าฝูงลาลีกา สเปน และสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ทีมของดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังคงต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะในเรื่องของความเฉียบคมในจังหวะสุดท้ายที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอีกครั้ง แอตเลติโก มาดริด ลงสนามในระบบ 3-5-2 ที่เป็นเอกลักษณ์ของซิเมโอเน่ โดยมีอัลบาโร่ โมราต้า จับคู่กับอองตวน กรีซมันน์ ในแดนหน้า ส่วนแดนกลางวางโรดริโก้ เด ปอล คุมจังหวะร่วมกับโคเก้ และซาอูล ญีเกซ ฝั่งเจ้าบ้านเซลต้า บีโก้ ภายใต้การคุมทีมของราฟา เบนิเตซ มาในระบบ 4-2-3-1 เน้นเกมรับเหนียวแน่นและสวนกลับเร็วโดยมียาโก้ อัสปาส เป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกตั้งแต่ต้นเกม ทั้งสองทีมต่างเปิดฉากด้วยความรัดกุม