Browse By

Category Archives: Sportnews and Football

ผู้จัดการทีม นิวคาสเซิ่ล ชื่นชมผลงานหลังเปิดบ้านชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0

ค่ำคืนที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ก กลายเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของทีม “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงพลัง ความมั่นใจ และการเล่นที่มีระบบภายใต้การคุมทีมของเอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีมหนุ่มชาวอังกฤษ หลังเปิดบ้านเอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมนี้ไม่เพียงทำให้นิวคาสเซิ่ลเก็บสามคะแนนสำคัญได้เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำให้เห็นถึงพัฒนาการที่ต่อเนื่องของทีมที่กำลังเดินหน้าไล่ล่าความสำเร็จในยุคใหม่ได้อย่างน่าจับตา จากเสียงนกหวีดเริ่มเกม บรรยากาศในสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ก เต็มไปด้วยพลังของแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ส่งเสียงเชียร์กึกก้องตลอด 90 นาที ฮาวจัดทัพด้วยระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคย โดยมีคัลลัม วิลสัน ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ขนาบข้างด้วยมิเกล อัลมิรอน และแอนโธนี่ กอร์ดอน ส่วนแดนกลางมีบรูโน่ กิมาไรส์ คุมเกมร่วมกับฌอน ลองสตาฟฟ์ และโจลินตัน เกมรับยังคงใช้ฟาเบียน แชร์ และสเวน บ็อตแมน

เรนเจอร์ส ปลด รัสเซล มาร์ติน ออกจากโค้ช หลังคุมทีมเพียง 4 เดือน

วงการฟุตบอลสกอตแลนด์เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อสโมสรกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ตัดสินใจปลด รัสเซล มาร์ติน ออกจากตำแหน่งหัวหน้าโค้ชอย่างเป็นทางการ หลังจากคุมทีมได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลและสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง เพราะอดีตกองหลังทีมชาติสกอตแลนด์รายนี้เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงซัมเมอร์ และหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาจะได้เวลามากกว่านี้ในการปรับทีมให้เข้ากับแนวทางฟุตบอลสมัยใหม่ของตน การปลดมาร์ตินเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เรนเจอร์สบุกไปพ่ายให้กับคิลมาร์น็อค 0-2 ในเกมลีกสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้ทีมหล่นลงไปอยู่อันดับ 4 ของตารางคะแนนตามหลังคู่ปรับตลอดกาลอย่างเซลติกถึง 9 แต้ม สื่อสกอตแลนด์รายงานว่าบอร์ดบริหารของเรนเจอร์สได้เรียกประชุมฉุกเฉินในเช้าวันถัดมาและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แยกทางกับมาร์ตินทันที โดยให้เหตุผลว่า “ผลงานในสนามไม่เป็นไปตามเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาทีมไม่ชัดเจน” รัสเซล มาร์ติน เข้ามารับงานที่ไอบร็อกซ์ในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางความคาดหวังสูงหลังจากสร้างชื่อกับสโมสรเซาแธมป์ตันในฤดูกาลก่อน แม้จะไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้นในพรีเมียร์ลีกได้ แต่สไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลและการเพรสซิ่งเชิงรุกได้รับคำชมอย่างมากจากแฟนบอลและนักวิเคราะห์ฟุตบอล จึงไม่น่าแปลกใจที่เรนเจอร์สซึ่งต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากทีมที่เล่นฟุตบอลแบบระมัดระวัง มาเป็นทีมที่เล่นเกมรุกดุดันและมีเอกลักษณ์ จึงเลือกมอบโอกาสให้เขาคุมทีม อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา 4 เดือนของมาร์ตินในกลาสโกว์กลับไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ผลงานในลีกเริ่มต้นได้อย่างน่าผิดหวังด้วยการเสมอและแพ้ในหลายเกมสำคัญ โดยเฉพาะในเกม “โอลด์เฟิร์มดาร์บี้” กับเซลติกที่พ่ายคาบ้าน 1-3 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แฟนบอลเริ่มหมดความอดทน เสียงโห่จากบนอัฒจันทร์ไอบร็อกซ์ดังสนั่นในวันนั้น และแม้บอร์ดบริหารจะพยายามให้เวลาเขาแก้ไขสถานการณ์

คริสตัล พาเลซ ยอมรับเป็นความผิดหวังอย่างยิ่ง หลังพ่าย เอฟเวอร์ตัน 1-2

ค่ำคืนแห่งความผิดหวังของแฟนบอล “ดิ อีเกิ้ลส์” เกิดขึ้นที่สนามเซลเฮิร์สต์ พาร์ก เมื่อ คริสตัล พาเลซ ทีมขวัญใจแห่งลอนดอนใต้ ต้องพบกับความพ่ายแพ้อันเจ็บปวดต่อเอฟเวอร์ตัน 1-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุด ผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นไม่เพียงทำให้พวกเขาชวดแต้มสำคัญ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความไม่คงเส้นคงวาในฟอร์มการเล่นที่รอย ฮอดจ์สัน ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน หากไม่ต้องการให้ฤดูกาลนี้กลายเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก เกมนี้คริสตัล พาเลซลงสนามด้วยความมั่นใจหลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาทำผลงานได้ดีในเกมเยือน แต่เมื่อกลับมาเล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองกลับไม่สามารถรักษามาตรฐานเดิมได้ โดยเริ่มเกมมาเพียงไม่ถึง 10 นาที ทีมเยือนเอฟเวอร์ตันที่นำโดยฌอน ไดช์ ก็สร้างความกดดันทันที และได้ประตูขึ้นนำจากลูกยิงของโดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน ที่อาศัยความผิดพลาดของแนวรับเจ้าถิ่นในการประกบตัว บอลหลุดมาถึงหัวหอกทีมชาติอังกฤษที่หมุนตัวยิงเสียบมุมอย่างเฉียบขาด ทำให้พาเลซต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตามหลังตั้งแต่ต้นเกม เสียงเชียร์ในสนามเงียบลงทันที บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคาดหวังกลายเป็นความกดดัน รอย ฮอดจ์สัน ยืนกอดอกอยู่ข้างสนามพร้อมสีหน้าที่นิ่งแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ ลูกทีมของเขาพยายามตั้งเกมใหม่โดยอาศัยการขึ้นบอลทางกราบซ้ายจากวิลฟรีด ซาฮา อดีตดาวเตะที่กลับมาช่วยทีมในฤดูกาลนี้ แต่แนวรับของเอฟเวอร์ตันยังคงเหนียวแน่น และแสดงให้เห็นถึงระเบียบวินัยในเกมรับที่ชัดเจนซึ่งเป็นจุดแข็งของทีมในยุคของไดช์ พาเลซพยายามครองเกมมากขึ้นในช่วงกลางครึ่งแรก และพวกเขาก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่

แอตเลติโก มาดริด สะดุดได้เพียงเสมอ เซลต้า บีโก้ 1-1

ค่ำคืนที่สนามเอสตาดิโอ เด บาไลดอส กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนบอล แอตเลติโก มาดริด ต้องรู้สึกเสียดาย เมื่อทีมรักของพวกเขาทำได้เพียงบุกไปเสมอกับเซลต้า บีโก้ 1-1 ทั้งที่เป็นฝ่ายครองบอลและสร้างโอกาสได้มากกว่าเกือบตลอดทั้งเกม ผลการแข่งขันนี้ทำให้ “ตราหมี” พลาดโอกาสเก็บสามคะแนนสำคัญในการไล่ล่าจ่าฝูงลาลีกา สเปน และสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ทีมของดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังคงต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะในเรื่องของความเฉียบคมในจังหวะสุดท้ายที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอีกครั้ง แอตเลติโก มาดริด ลงสนามในระบบ 3-5-2 ที่เป็นเอกลักษณ์ของซิเมโอเน่ โดยมีอัลบาโร่ โมราต้า จับคู่กับอองตวน กรีซมันน์ ในแดนหน้า ส่วนแดนกลางวางโรดริโก้ เด ปอล คุมจังหวะร่วมกับโคเก้ และซาอูล ญีเกซ ฝั่งเจ้าบ้านเซลต้า บีโก้ ภายใต้การคุมทีมของราฟา เบนิเตซ มาในระบบ 4-2-3-1 เน้นเกมรับเหนียวแน่นและสวนกลับเร็วโดยมียาโก้ อัสปาส เป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกตั้งแต่ต้นเกม ทั้งสองทีมต่างเปิดฉากด้วยความรัดกุม

อาจถอนทีมชาติสเปนออกจากการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ปีหน้า

ล่าสุดเจ้าหน้าที่รัฐบาลสเปนได้ออกมาเสนออย่างจริงจังว่า อาจถอนทีมชาติสเปนออกจากการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ปีหน้า หากอิสราเอลสามารถผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลไปได้ เหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขันในสนาม แต่คือความตึงเครียดทางการเมืองและสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลกรัฐบาลสเปนมีจุดยืนทางการเมืองที่แข็งกร้าวต่อการกระทำของอิสราเอลในบางเหตุการณ์ โดยมองว่าการให้ทีมชาติอิสราเอลเข้าร่วมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ อาจถูกตีความว่าเป็นการยอมรับหรือเพิกเฉยต่อการกระทำที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชน ประเด็นนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนที่ฟุตบอลต้องเผชิญเมื่อเกี่ยวพันกับมิติการเมืองระหว่างประเทศสถานการณ์นี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของกีฬา แต่เป็นการเมืองระดับโลกที่ถูกฉายภาพผ่านเวทีฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นการแข่งขันที่มีผู้ชมหลายพันล้านคน การตัดสินใจใด ๆ ของรัฐบาลสเปนจึงอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งต่อความสัมพันธ์ทางการทูต การจัดการแข่งขัน และภาพลักษณ์ของฟุตบอลในฐานะกีฬาสากล 2. ฟุตบอลโลก: เวทีแห่งเอกภาพหรือการเมือง? ฟุตบอลโลกถูกยกย่องว่าเป็นเวทีแห่งเอกภาพ ที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองกีฬาและวัฒนธรรม แต่ตลอดประวัติศาสตร์ก็มีหลายครั้งที่การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่การคว่ำบาตรของบางประเทศในยุคสงครามเย็น ไปจนถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ถูกยกขึ้นมาในทัวร์นาเมนต์ล่าสุดกรณีของสเปนและอิสราเอลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ฟุตบอลไม่สามารถหลีกเลี่ยงแรงกดดันทางการเมืองได้ การถอนทีมชาติสเปนออกจากฟุตบอลโลกจะไม่เพียงกระทบต่อแฟนบอลในประเทศ แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนในระดับนานาชาติ เพราะสเปนคือหนึ่งในชาติมหาอำนาจลูกหนังที่มีบทบาทสำคัญในเวทีโลก การที่ทีมระดับนี้ขาดหายไปจากทัวร์นาเมนต์จะทำให้ความสมบูรณ์ของการแข่งขันถูกตั้งคำถามในอีกมุมหนึ่ง ฟุตบอลโลกยังถูกใช้เป็นเวทีแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของชาติ หากรัฐบาลสเปนเลือกจะถอนทีม ก็เป็นเหมือนการส่งสารไปถึงองค์กรระดับโลกว่า ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนสำคัญกว่าความสำเร็จในสนามฟุตบอล นี่คือคำถามที่สังคมต้องถกเถียงว่า ฟุตบอลควรถูกใช้เป็นพื้นที่การเมืองหรือควรยึดมั่นในความเป็นกีฬาอย่างแท้จริง 3. ผลกระทบต่อทีมชาติสเปนและแฟนบอล หากสเปนตัดสินใจถอนทีมออกจากฟุตบอลโลกจริง ผลกระทบต่อทีมชาติและแฟนบอลจะมหาศาล เริ่มจากนักเตะที่จะพลาดโอกาสสำคัญในอาชีพ นักเตะหลายคนรอคอยการลงเล่นในฟุตบอลโลกเพื่อพิสูจน์ตัวเองบนเวทีที่ใหญ่ที่สุด การถูกตัดสิทธิ์เพราะเหตุผลทางการเมือง อาจสร้างความผิดหวังและบั่นทอนกำลังใจอย่างรุนแรงสำหรับแฟนบอลสเปน

จุดโทษที่ผู้ตัดสินเป่าให้ เรอัล มาดริด ไม่สมควรเกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษมักกลายเป็นหัวข้อถกเถียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเกมที่มีเดิมพันสูงและคู่แข่งคือทีมใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อโรแบร์โต้ เด แซร์บี้ กุนซือชาวอิตาลี ออกมายืนยันหลังเกมว่า จุดโทษที่ผู้ตัดสินให้กับมาดริดนั้น “ไม่สมควรเกิดขึ้น” และสร้างความรู้สึกว่าเป็นการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมในจังหวะปัญหา ผู้เล่นฟุตบอลของมาดริดถูกกล่าวหาว่าถูกสกัดล้มในกรอบเขตโทษ แต่จากภาพช้าและมุมมองที่แตกต่าง หลายฝ่ายมองว่าการปะทะนั้นเบามาก ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการล้มลงได้ทันที การตัดสินใจของผู้ตัดสินจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้งในสนามจากแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม และในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยความคิดเห็นที่แตกต่างกันสำหรับเด แซร์บี้ การออกมาแสดงความเห็นเช่นนี้ไม่ใช่เพียงการปกป้องทีมของเขา แต่ยังเป็นการเรียกร้องให้วงการฟุตบอลพิจารณามาตรฐานการตัดสินอย่างจริงจัง เพราะการตัดสินใจครั้งหนึ่งสามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้โดยตรง โดยเฉพาะในเกมระดับใหญ่ที่ทุกจังหวะมีความหมาย การที่เขาพูดอย่างชัดเจนว่า “ไม่สมควร” จึงเป็นการส่งสัญญาณถึงความไม่พอใจที่มีต่อระบบตัดสินในปัจจุบัน 2. จุดโทษกับความเปราะบางของการตัดสินในฟุตบอลสมัยใหม่ ฟุตบอลสมัยใหม่มีเทคโนโลยี VAR เข้ามาช่วยในการตัดสิน เพื่อหวังลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินด้วยสายตามนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่แม้กระนั้น เหตุการณ์นี้ก็แสดงให้เห็นว่าปัญหายังคงมีอยู่ VAR ไม่ได้เป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบเสมอไป เพราะสุดท้ายแล้วการตีความก็ยังขึ้นอยู่กับผู้ตัดสินในห้อง VAR และผู้ตัดสินในสนามกรณีของเรอัล มาดริด จังหวะที่ถูกเป่าเป็นจุดโทษนั้นกลายเป็นประเด็นว่า แม้ผู้ตัดสินจะดูภาพซ้ำ แต่การตัดสินก็ยังออกมาในทิศทางที่หลายคนมองว่า

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พัก 6-8 สัปดาห์ พลาดเกมเอล กลาซิโก้

อาการบาดเจ็บของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาคนสำคัญของลิเวอร์พูล นับเป็นข่าวร้ายที่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่ววงการฟุตบอล ยิ่งไปกว่านั้นคือการต้องพักรักษาตัวนานถึง 6-8 สัปดาห์ ซึ่งหมายความว่าเขาจะพลาดการลงสนามในเกมสำคัญระดับโลกอย่าง เอล กลาซิโก้ ที่แฟนบอลรอคอย เทรนท์ไม่ใช่เพียงนักเตะธรรมดา แต่เป็นหัวใจสำคัญในระบบการเล่นของเจอร์เก้น คล็อปป์ ทั้งในแง่การสร้างสรรค์เกมรุกจากด้านข้างและการเปลี่ยนจังหวะเกมจากแดนหลังสิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้ซับซ้อนคือช่วงเวลาที่อาการบาดเจ็บเกิดขึ้น เพราะตรงกับช่วงที่ทีมกำลังอยู่ในโปรแกรมหนัก ทั้งเกมลีก, ฟุตบอลยุโรป และบอลถ้วยในประเทศ การหายไปของเทรนท์อาจทำให้สมดุลของทีมสั่นคลอนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวในการเปิดบอลและสร้างความแตกต่างจากตำแหน่งแบ็กขวาในเชิงจิตวิทยา การบาดเจ็บของนักเตะระดับแกนหลักย่อมส่งผลต่อความมั่นใจของทีมโดยรวม แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะพยายามทดแทน แต่การรู้ว่าต้องลงเล่นโดยปราศจาก “ตัวสร้างสรรค์เกม” อย่างเทรนท์ก็ทำให้แรงกดดันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว การขาดเขาในเกมเอล กลาซิโก้ที่มีความหมายทั้งในเชิงศักดิ์ศรีและผลการแข่งขัน จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ทั้งโค้ชและนักเตะต้องหาทางรับมืออย่างเร่งด่วน 2. บทบาทของเทรนท์ในระบบการเล่นของลิเวอร์พูล หากย้อนดูผลงานของเทรนท์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าบทบาทของเขาเกินกว่าแบ็กขวาธรรมดา เขาไม่เพียงเติมเกมรุกทางกราบ แต่ยังทำหน้าที่เสมือน “เพลย์เมกเกอร์” ที่สามารถเปลี่ยนจังหวะเกมด้วยการจ่ายบอลยาวที่แม่นยำ หรือการครอสบอลที่มีคุณภาพสูง ตัวเลขแอสซิสต์ของเขาในพรีเมียร์ลีกยืนยันชัดเจนว่าเทรนท์คือหนึ่งในแบ็กขวาที่อันตรายที่สุดในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบันภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ เทรนท์ถูกปรับบทบาทให้ยืนสูงขึ้นและบางครั้งขยับเข้ามาเล่นกึ่งมิดฟิลด์ เพื่อเพิ่มมิติในเกมรุกและช่วยทีมครองบอลในแดนกลาง ความสามารถนี้ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงตัวเลขในพื้นที่สำคัญ และเปิดโอกาสให้กองหน้าอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์

วิตอร์ เปเรยร่า ตกเป็นข่าวว่าใกล้ที่จะต่อสัญญา วูล์ฟส์

วิตอร์ เปเรยร่า คือหนึ่งในกุนซือชาวโปรตุเกสที่สร้างชื่อเสียงในหลายประเทศ เขาไม่ใช่เพียงแค่โค้ชที่พาทีมคว้าชัยชนะ แต่ยังเป็นกุนซือที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการเล่นและสร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับทีมของเขา เส้นทางอาชีพของเปเรยร่ามีความหลากหลาย ทั้งในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง เขาเคยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกกับเอฟซี ปอร์โต้ ก่อนจะเดินทางไปคุมทีมในหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย ตุรกี จีน และกรีซสิ่งที่ทำให้เปเรยร่าแตกต่างคือปรัชญาฟุตบอลที่ยืดหยุ่นและทันสมัย เขาเน้นการครองบอล การเคลื่อนที่อย่างมีระบบ และการสร้างสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมฟุตบอลที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทำให้เขามีมุมมองกว้างไกลและเข้าใจความหลากหลายของเกมฟุตบอลระดับโลก นี่คือคุณสมบัติที่สโมสรในพรีเมียร์ลีกอย่างวูล์ฟส์กำลังมองหา เพราะการแข่งขันในอังกฤษนั้นเข้มข้นและต้องการโค้ชที่สามารถอ่านเกมได้หลายมิติการเข้ามาของเปเรยร่าในวูล์ฟส์จึงถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะเขานำทั้งประสบการณ์ ความรู้ และแนวทางการทำทีมที่มีเอกลักษณ์เข้ามาปรับใช้กับสโมสรที่มีศักยภาพแต่ยังขาดความต่อเนื่อง การตกเป็นข่าวใกล้ต่อสัญญาฉบับใหม่ สะท้อนให้เห็นว่าทั้งสโมสรและแฟนบอลต่างยอมรับในผลงานของเขา และเห็นว่าเขาคือคนที่จะนำทีมเดินหน้าต่อไปในอนาคต 2. ผลงานของเปเรยร่ากับวูล์ฟส์ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ วิตอร์ เปเรยร่า ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง เขาสามารถยกระดับการเล่นของวูล์ฟส์ให้กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ทีมที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงกลางตารางเริ่มกลับมามีบทบาทในการลุ้นพื้นที่ยุโรป การปรับระบบการเล่นให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การใช้แผน 3-4-3 หรือ 4-2-3-1 ทำให้ทีมสามารถรับมือกับคู่แข่งในหลายรูปแบบหนึ่งในผลงานที่เห็นได้ชัดคือการสร้างสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ

เป๊ปแย้มว่าดอนนารุมม่า อาจเป็นผู้รักษาประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกหลายปี

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นหนึ่งในสโมสรที่วางแผนการสร้างทีมได้อย่างชาญฉลาดและเป็นระบบ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเรามักเห็นพวกเขาเสริมทัพในจุดที่จำเป็นจริง ๆ มากกว่าการทุ่มเงินอย่างไร้ทิศทาง ตำแหน่งผู้รักษาประตูถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของทีมฟุตบอล โดยเฉพาะในระบบการเล่นที่กวาร์ดิโอล่าต้องการ เนื่องจากเขามักใช้ผู้รักษาประตูไม่เพียงแต่ป้องกันประตู แต่ยังต้องมีบทบาทสำคัญในการเปิดเกมจากแดนหลัง การวางบอลยาว และการเชื่อมต่อกับกองหลังก่อนหน้านี้ เอแดร์ซอน โมราเอส คือมือหนึ่งที่ทำผลงานยอดเยี่ยมมาโดยตลอด เขามีทักษะการใช้เท้าที่โดดเด่น เหมาะกับสไตล์การเล่นของกวาร์ดิโอล่า แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไป ปัญหาอาการบาดเจ็บและความไม่แน่นอนทางร่างกายเริ่มส่งผลต่อความมั่นคงของทีมในระยะยาว นั่นทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้เริ่มมองหาทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามารับไม้ต่อในอนาคต และชื่อของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารทีมชาติอิตาลีของปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาอย่างต่อเนื่องการได้ผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์ในระดับสูงตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างดอนนารุมม่า ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเขาไม่เพียงตอบโจทย์ในปัจจุบัน แต่ยังสามารถยืนเฝ้าเสาได้อีกหลายปี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของกวาร์ดิโอล่าที่ต้องการสร้างทีมที่มีความต่อเนื่องและมั่นคง 2. โปรไฟล์และจุดแข็งของจานลุยจิ ดอนนารุมม่า ดอนนารุมม่าแจ้งเกิดตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 17 ปีเต็มกับเอซี มิลาน ก่อนจะกลายเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของทีมชาติอิตาลี และมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ยูโร 2020 โดยโชว์ฟอร์มการเซฟจุดโทษที่เหนือชั้นในรอบชิงชนะเลิศกับอังกฤษ ความสูงกว่า

มาดริดจับตาสถานการณ์ ซาลีบา กับอาร์เซน่อล

วิลเลียม ซาลีบา เซนเตอร์แบ็กชาวฝรั่งเศส ถือเป็นกำลังหลักในแนวรับของอาร์เซน่อลที่มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมไว้วางใจมาโดยตลอด ความแข็งแกร่ง ความสูงใหญ่ และการอ่านเกมที่เฉียบคม ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน หากย้อนไปยังจุดเริ่มต้น ซาลีบาเซ็นสัญญากับอาร์เซน่อลตั้งแต่ปี 2019 แต่ต้องถูกส่งไปเก็บประสบการณ์กับทีมในลีกเอิงฝรั่งเศสหลายครั้ง ก่อนจะก้าวขึ้นมามีบทบาทเต็มตัวในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมในฤดูกาล 2022-23ผลงานของเขาไม่เพียงช่วยให้อาร์เซน่อลกลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างจริงจัง แต่ยังกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ทีมมีเกมรับเหนียวแน่นมากขึ้น การเล่นลูกกลางอากาศ การเข้าปะทะที่แม่นยำ และความสามารถในการเปิดเกมจากแนวรับ ล้วนเป็นจุดแข็งที่ทำให้ซาลีบาแตกต่างจากกองหลังทั่วไป เขาไม่ใช่แค่กองหลังที่คอยสกัดบอลเท่านั้น แต่ยังสามารถพาบอลขึ้นเกมรุกได้อย่างมั่นใจ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเล่นของอาร์เตต้าที่ต้องการให้กองหลังมีบทบาททั้งรุกและรับสิ่งที่น่าจับตามองคือ ซาลีบาเพิ่งอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น ยังมีเวลาอีกมากในการพัฒนาตัวเองต่อไป เขาได้รับการยกย่องจากทั้งนักเตะร่วมทีมและผู้จัดการทีมว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีศักยภาพในการก้าวไปเป็นกองหลังระดับโลก ซึ่งไม่แปลกที่เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่จากสเปนจะเริ่มให้ความสนใจในตัวเขา เพราะด้วยสไตล์การเล่นที่ครบเครื่อง ทำให้ซาลีบาอาจเป็นคำตอบของการสร้างแนวรับยุคใหม่ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว 2. ทำไมเรอัล มาดริดจึงสนใจในตัวซาลีบา เรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ในยุโรป การสร้างทีมเพื่อความสำเร็จในระยะยาวจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผงกองหลังที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ดาวเตะอย่างดานี่