ค่ำคืนที่สนามเอสตาดิโอ เด บาไลดอส กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนบอล แอตเลติโก มาดริด ต้องรู้สึกเสียดาย เมื่อทีมรักของพวกเขาทำได้เพียงบุกไปเสมอกับเซลต้า บีโก้ 1-1 ทั้งที่เป็นฝ่ายครองบอลและสร้างโอกาสได้มากกว่าเกือบตลอดทั้งเกม ผลการแข่งขันนี้ทำให้ “ตราหมี” พลาดโอกาสเก็บสามคะแนนสำคัญในการไล่ล่าจ่าฝูงลาลีกา สเปน และสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ทีมของดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังคงต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะในเรื่องของความเฉียบคมในจังหวะสุดท้ายที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอีกครั้ง
แอตเลติโก มาดริด ลงสนามในระบบ 3-5-2 ที่เป็นเอกลักษณ์ของซิเมโอเน่ โดยมีอัลบาโร่ โมราต้า จับคู่กับอองตวน กรีซมันน์ ในแดนหน้า ส่วนแดนกลางวางโรดริโก้ เด ปอล คุมจังหวะร่วมกับโคเก้ และซาอูล ญีเกซ ฝั่งเจ้าบ้านเซลต้า บีโก้ ภายใต้การคุมทีมของราฟา เบนิเตซ มาในระบบ 4-2-3-1 เน้นเกมรับเหนียวแน่นและสวนกลับเร็วโดยมียาโก้ อัสปาส เป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกตั้งแต่ต้นเกม ทั้งสองทีมต่างเปิดฉากด้วยความรัดกุม เพราะรู้ดีว่าผลการแข่งขันนัดนี้มีความสำคัญต่ออันดับในตารางอย่างมาก
เกมในช่วง 20 นาทีแรกเป็นของแอตเลติโก มาดริด อย่างชัดเจน พวกเขาใช้การเพรสซิ่งสูงบีบให้เซลต้าต้องเล่นบอลยาวตลอด และในนาทีที่ 17 พวกเขาก็เกือบขึ้นนำจากจังหวะที่กรีซมันน์หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษแต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย เสียงแฟนบอลทีมเยือนที่เดินทางมาจากมาดริดเฮกันก่อนจะเงียบลงอย่างพร้อมเพรียง เกมยังดำเนินต่อไปด้วยรูปแบบเดิม แอตเลติโกพยายามเน้นจังหวะเข้าทำจากด้านข้างโดยใช้แบ็กสองฝั่งอย่างโมลิน่าและเลมาร์เติมเกม แต่แนวรับของเซลต้าก็รับมือได้อย่างเหนียวแน่น
จนกระทั่งนาทีที่ 36 ความพยายามของทีมเยือนก็เป็นผล เมื่ออองตวน กรีซมันน์ โชว์คลาสระดับโลกอีกครั้ง เขาได้รับบอลจากเด ปอล บริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนหมุนตัวหลบกองหลังหนึ่งคนและซัดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งเสียบมุมเข้าประตูอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ 8 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ ทำให้แอตเลติโก มาดริด ขึ้นนำ 1-0 ทันที เสียงเฮของแฟนบอลตราหมีดังสนั่นไปทั่วสนาม แม้จะเป็นเกมเยือนแต่พลังเชียร์ของพวกเขาไม่เป็นรองใคร
แต่ในฟุตบอลไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง เซลต้าเริ่มกลับมาตั้งเกมได้มากขึ้น ราฟา เบนิเตซ ปรับแท็กติกโดยส่งลาร์สสัน ดาวรุ่งชาวสวีเดนลงมาช่วยเติมความเร็วในแนวรุก และนั่นทำให้แนวรับของแอตเลติโกต้องถอยลงมาเล็กน้อยเพื่อระวังการสวนกลับ นาทีที่ 61 เซลต้าได้โอกาสทองจากจังหวะที่อัสปาสแทงทะลุช่องให้ลาร์สสันหลุดเข้าไปดวลกับโอบลัค แต่ผู้รักษาประตูชาวสโลวีเนียยังออกมาบล็อกได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่าจังหวะต่อมาในนาทีที่ 68 โอกาสของเจ้าบ้านก็มาถึงจริง ๆ จากลูกเตะมุมทางขวา บอลถูกเปิดโค้งเข้ามาและเป็นโจเซฟ ไอดู โขกเต็มหัวส่งบอลตุงตาข่ายเป็น 1-1
หลังจากเสียประตู แอตเลติโกพยายามเปิดเกมบุกหนักเพื่อทวงประตูคืน ซิเมโอเน่ส่งอังเคล คอร์เรอา ลงมาเพิ่มความหลากหลายทางเกมรุก แต่รูปเกมของทีมกลับไม่ลื่นไหลเท่าช่วงต้นเกม การเคลื่อนที่ของนักเตะเริ่มช้าลงและขาดการเชื่อมต่อในแดนกลาง โดยเฉพาะเมื่อเซลต้าหันมาเน้นเกมเพรสซิ่งที่ดุดันและป้องกันแบบโซนแคบ ทำให้พื้นที่ในการสร้างเกมของแอตเลติโกลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เกมกลายเป็นการแลกหมัดกันแบบเปิดหน้า มิลาน บาร์ดี้ ของเซลต้าได้ลองยิงไกลหลายครั้ง ส่วนฝั่งตราหมีเกือบได้เฮในนาทีที่ 87 จากลูกยิงของโมราต้าที่ได้ซ้ำหน้าประตูแต่บอลกลับข้ามคานไปอย่างเหลือเชื่อ เสียงครางของแฟนบอลดังลั่นทั้งสนามเพราะนั่นคือโอกาสทองที่จะปิดเกมอย่างแท้จริง สุดท้ายเมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น ทั้งสองทีมต้องแบ่งแต้มกันไปทีมละหนึ่งคะแนน ผลนี้ทำให้แอตเลติโก มาดริด มี 23 คะแนนจาก 11 นัด หล่นจากอันดับ 2 ลงมาอยู่ที่ 3 ตามหลังเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่าเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นการ “สะดุด” ที่อาจส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ในระยะยาว
หลังจบเกม ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทีสุขุมว่า “เรามีโอกาสมากพอที่จะชนะเกมนี้ แต่ฟุตบอลก็แบบนี้ ถ้าคุณไม่ปิดเกมให้ได้ มันจะลงโทษคุณ เซลต้าเล่นอย่างกล้าหาญ พวกเขาไม่ยอมแพ้และสมควรได้แต้ม เราต้องเรียนรู้จากเกมนี้และเดินหน้าต่อไป” คำพูดของเขาสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาแบบ “ชิโลนิสม์” ที่เขายึดถือมาตลอด คือการต่อสู้ด้วยหัวใจและไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ใด ๆ

ในมุมของนักวิเคราะห์ฟุตบอล การที่แอตเลติโก มาดริด เสียประตูในช่วงครึ่งหลังอีกครั้งเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เพราะนี่เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้ แม้แนวรับจะยังแข็งแกร่งแต่การขาดสมาธิในจังหวะลูกตั้งเตะทำให้คู่แข่งมีโอกาสลงโทษได้เสมอ นักวิเคราะห์จากสื่อสเปนรายหนึ่งชี้ว่า “แอตเลติโกในยุคนี้มีแนวรุกที่ดีขึ้นมาก แต่ความแน่นอนในเกมรับที่เคยเป็นจุดแข็งกลับลดลง พวกเขาต้องหาสมดุลระหว่างเกมรุกกับเกมรับให้ได้เร็วที่สุด”
อองตวน กรีซมันน์ ซึ่งเป็นผู้ทำประตูในเกมนี้ ยอมรับว่าทีมรู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขัน “เราควรจะชนะเกมนี้ เราครองเกมได้ตลอดแต่ขาดเพียงประตูที่สอง ถ้าเราไม่สามารถฆ่าเกมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ มันก็จะยากในลีกนี้ ทุกทีมมีคุณภาพและพร้อมลงโทษเมื่อคุณพลาด” เขากล่าวพร้อมสีหน้ามุ่งมั่น
ฝั่งแฟนบอลตราหมีในโซเชียลมีเดีย ต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ทีมต้องมีความดุดันกว่านี้ในจังหวะสุดท้าย เพราะพวกเขาเชื่อว่าศักยภาพของแนวรุกอย่างกรีซมันน์, โมราต้า และคอร์เรอา สามารถยิงได้ทุกเกม แต่ขาดเพียงความคมเท่านั้น ขณะเดียวกันก็มีเสียงชื่นชมต่อฟอร์มของโอบลัคที่ยังคงเป็นเสาหลักของทีมด้วยการเซฟลูกยากหลายจังหวะจนช่วยให้ทีมไม่แพ้ในเกมนี้
สิ่งที่ทำให้ผลเสมอนัดนี้เจ็บปวดสำหรับแอตเลติโก มาดริด คือโอกาสทองที่พลาดไปในการขึ้นไปรั้งจ่าฝูงร่วมกับเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่า เพราะก่อนเกมนี้ทั้งสองทีมเก็บชัยชนะได้หมด ทำให้ความกดดันตกมาอยู่ที่พวกเขาโดยตรง การเสมอกับทีมอันดับล่างอย่างเซลต้า บีโก้ จึงถูกมองว่าเป็นการ “ปล่อยโอกาสหลุดมือ” ไปอย่างน่าเสียดาย
เกมนี้ยังเผยให้เห็นถึงปัญหาในแดนกลางของแอตเลติโกที่ยังไม่สามารถคุมจังหวะได้ตลอด 90 นาที โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งเริ่มใช้การเพรสซิ่งหนัก พวกเขามักเสียบอลในแดนกลางและเปิดช่องให้คู่แข่งสวนกลับเร็วได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ซิเมโอเน่ต้องเร่งแก้ไขก่อนถึงเกมใหญ่กับเรอัล โซเซียดาดในสัปดาห์หน้า
แม้ผลเสมอนี้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันคือการเตือนให้ทีมกลับมาโฟกัสในสิ่งสำคัญ ซิเมโอเน่รู้ดีว่าการลุ้นแชมป์ลาลีกาในฤดูกาลนี้ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความเยือกเย็นในทุกเกม เขากล่าวปิดท้ายในการสัมภาษณ์ว่า “เรายังอยู่ในเส้นทางที่ดี มันเป็นเพียงเกมเดียวในฤดูกาลที่ยาวนาน เรายังมีเวลาพัฒนา และผมมั่นใจในนักเตะของผมทุกคน”
ในมุมของนักวิเคราะห์จากแพลตฟอร์มอย่าง ufabet เล่นผ่านมือถือ รองรับ iOS และ Android ซึ่งติดตามข้อมูลเชิงลึกของทีมในยุโรป เกมนี้ถูกวิเคราะห์ว่าเป็นตัวอย่างของ “การขาดความเด็ดขาด” ของทีมที่ต้องการลุ้นแชมป์ เพราะแม้จะครองเกมได้เหนือกว่า แต่เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูที่สองได้ ความกดดันย่อมย้อนกลับมา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มักเกิดขึ้นกับทีมของซิเมโอเน่ในบางฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม แอตเลติโก มาดริด ยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวในทุกการแข่งขัน พวกเขามีความเป็นหนึ่งเดียวสูง มีระบบการเล่นที่ชัดเจน และมีนักเตะระดับโลกอย่างกรีซมันน์, โมราต้า และโอบลัค ที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในทุกเวลา แม้เกมนี้จะจบลงด้วยผลเสมอ แต่ภาพรวมของทีมยังดูแข็งแกร่งพอที่จะกลับมาคว้าชัยในเกมถัดไป
บรรยากาศในห้องแต่งตัวหลังเกมมีทั้งความผิดหวังและกำลังใจ กัปตันทีมโคเก้ ได้กล่าวปลุกใจเพื่อนร่วมทีมว่า “เราไม่ควรเสียใจเกินไปเพราะเรายังอยู่ในกลุ่มหัวตาราง สิ่งสำคัญคือเราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดและไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก” เสียงปรบมือดังขึ้นในห้องแต่งตัว เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งนักสู้ในแบบแอตเลติโกอย่างแท้จริง
สำหรับเซลต้า บีโก้ ผลเสมอนี้ถือเป็นแต้มที่มีค่ามาก เพราะพวกเขากำลังหนีตกชั้นและต้องการความมั่นใจในทุกนัด ราฟา เบนิเตซ กล่าวหลังเกมด้วยสีหน้าพอใจว่า “นักเตะของผมทำได้ยอดเยี่ยม พวกเขาไม่กลัวทีมใหญ่อย่างแอตเลติโก และเราสมควรได้อย่างน้อยหนึ่งคะแนนจากเกมนี้” ผลงานในคืนนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมามั่นใจอีกครั้งของทีมจากกาลิเซีย
ในอีกมุมหนึ่งของวงการฟุตบอลสเปน นักข่าวและแฟนบอลต่างพูดถึง “ความสูสี” ของลาลีกาในฤดูกาลนี้ เพราะไม่มีทีมใดที่เหนือกว่าชัดเจน ผลการแข่งขันระหว่างทีมใหญ่กับทีมเล็กเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ และเกมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ยืนยันว่าฟุตบอลสเปนยังคงมีเสน่ห์ในเรื่องของแท็กติกและการต่อสู้ที่ไม่มีใครยอมใคร
สำหรับแอตเลติโก มาดริด การสะดุดเสมอในเกมนี้อาจดูเหมือนเพียงจุดเล็ก ๆ ในฤดูกาลอันยาวนาน แต่ในลีกที่ทุกคะแนนมีความหมาย มันอาจกลายเป็นผลลัพธ์ที่ย้อนกลับมามีผลในช่วงท้ายฤดูกาลหากทีมไม่สามารถรักษาความสม่ำเสมอได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการนำบทเรียนจากเกมนี้ไปใช้ในแมตช์ต่อไป เพื่อไม่ให้พลาดอีกครั้งในสถานการณ์ที่สามารถปิดเกมได้
ในสายตาของแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มที่ติดตามฟุตบอลอย่างจริงจังผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกของ คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพันเกมนี้สะท้อนให้เห็นว่าแอตเลติโกยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งแต่ต้องเพิ่มความเฉียบขาดในการปิดเกม หากพวกเขาทำได้ ความฝันในการแย่งแชมป์กับเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ยังคงเป็นไปได้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ตราหมีมีเหนือกว่าหลายทีมคือ “หัวใจของผู้ไม่ยอมแพ้”
สุดท้ายนี้ แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นดั่งใจแฟนบอล แต่ทุกคนยังคงยืนอยู่ข้างทีม ซิเมโอเน่ยังคงเป็นผู้นำที่แฟนบอลไว้ใจ และนักเตะทุกคนยังคงเชื่อมั่นในระบบและแนวทางของเขา เส้นทางในลาลีกายังอีกยาวไกล และถ้าทีมสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดในเกมนี้ได้ พวกเขายังมีศักยภาพพอที่จะกลับมาเก็บชัยชนะต่อเนื่อง และรักษาความฝันในการลุ้นแชมป์ไว้ได้จนถึงวันสุดท้ายของฤดูกาลอย่างแน่นอน.