เรนเจอร์ส ปลด รัสเซล มาร์ติน ออกจากโค้ช หลังคุมทีมเพียง 4 เดือน

Browse By

วงการฟุตบอลสกอตแลนด์เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อสโมสรกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ตัดสินใจปลด รัสเซล มาร์ติน ออกจากตำแหน่งหัวหน้าโค้ชอย่างเป็นทางการ หลังจากคุมทีมได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลและสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง เพราะอดีตกองหลังทีมชาติสกอตแลนด์รายนี้เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงซัมเมอร์ และหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาจะได้เวลามากกว่านี้ในการปรับทีมให้เข้ากับแนวทางฟุตบอลสมัยใหม่ของตน

การปลดมาร์ตินเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เรนเจอร์สบุกไปพ่ายให้กับคิลมาร์น็อค 0-2 ในเกมลีกสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้ทีมหล่นลงไปอยู่อันดับ 4 ของตารางคะแนนตามหลังคู่ปรับตลอดกาลอย่างเซลติกถึง 9 แต้ม สื่อสกอตแลนด์รายงานว่าบอร์ดบริหารของเรนเจอร์สได้เรียกประชุมฉุกเฉินในเช้าวันถัดมาและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แยกทางกับมาร์ตินทันที โดยให้เหตุผลว่า “ผลงานในสนามไม่เป็นไปตามเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาทีมไม่ชัดเจน”

รัสเซล มาร์ติน เข้ามารับงานที่ไอบร็อกซ์ในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางความคาดหวังสูงหลังจากสร้างชื่อกับสโมสรเซาแธมป์ตันในฤดูกาลก่อน แม้จะไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้นในพรีเมียร์ลีกได้ แต่สไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลและการเพรสซิ่งเชิงรุกได้รับคำชมอย่างมากจากแฟนบอลและนักวิเคราะห์ฟุตบอล จึงไม่น่าแปลกใจที่เรนเจอร์สซึ่งต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากทีมที่เล่นฟุตบอลแบบระมัดระวัง มาเป็นทีมที่เล่นเกมรุกดุดันและมีเอกลักษณ์ จึงเลือกมอบโอกาสให้เขาคุมทีม

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา 4 เดือนของมาร์ตินในกลาสโกว์กลับไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ผลงานในลีกเริ่มต้นได้อย่างน่าผิดหวังด้วยการเสมอและแพ้ในหลายเกมสำคัญ โดยเฉพาะในเกม “โอลด์เฟิร์มดาร์บี้” กับเซลติกที่พ่ายคาบ้าน 1-3 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แฟนบอลเริ่มหมดความอดทน เสียงโห่จากบนอัฒจันทร์ไอบร็อกซ์ดังสนั่นในวันนั้น และแม้บอร์ดบริหารจะพยายามให้เวลาเขาแก้ไขสถานการณ์ แต่สุดท้ายฟอร์มของทีมก็ยังไม่ดีขึ้น

ในแถลงการณ์ของสโมสรเรนเจอร์สระบุว่า “เราขอขอบคุณรัสเซลสำหรับความทุ่มเทและความพยายามที่มีให้กับทีมในช่วงที่ผ่านมา แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามเป้าหมายของสโมสร เรนเจอร์สมีมาตรฐานที่สูง และเราจำเป็นต้องตัดสินใจเพื่ออนาคตของทีม” พร้อมทั้งยืนยันว่าได้แต่งตั้ง สตีเว่น เดวิส อดีตกองกลางของทีม เข้ามารับหน้าที่รักษาการหัวหน้าโค้ชชั่วคราวจนกว่าจะได้ตัวผู้จัดการทีมคนใหม่

ในขณะเดียวกัน มาร์ตินเองก็ออกแถลงสั้น ๆ ผ่านสื่อของสโมสรว่า “ผมรู้สึกเสียใจที่ต้องจากไปในช่วงเวลานี้ ผมภูมิใจที่ได้ทำงานกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างเรนเจอร์สและขอบคุณนักเตะทุกคนที่พยายามอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าทีมนี้มีศักยภาพมากกว่าที่หลายคนคิด ผมขอให้พวกเขาโชคดีในอนาคต” น้ำเสียงในคำพูดของเขาสะท้อนถึงความผิดหวังแต่ก็ยังคงความเป็นมืออาชีพอย่างเต็มเปี่ยม

นักวิเคราะห์ฟุตบอลในสกอตแลนด์หลายรายมองว่าการปลดมาร์ตินครั้งนี้สะท้อนถึง “แรงกดดันที่ไม่สิ้นสุด” ของตำแหน่งผู้จัดการทีมเรนเจอร์ส ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าอี้ที่ร้อนแรงที่สุดในยุโรป เพราะความคาดหวังของสโมสรที่ต้องต่อสู้กับเซลติกเพื่อความเป็นหนึ่งในประเทศ ความพ่ายแพ้เพียงไม่กี่เกมสามารถกลายเป็นจุดจบของอาชีพได้ในพริบตา

ผลงานของเรนเจอร์สภายใต้การคุมทีมของมาร์ตินนั้นไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของสโมสร พวกเขาลงเล่น 18 นัดในทุกรายการ ชนะเพียง 8 นัด เสมอ 5 และแพ้ 5 เกม ยิงได้ 26 ประตูแต่เสียถึง 21 ประตู ซึ่งถือเป็นสถิติที่ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมากสำหรับทีมที่มีขนาดและคุณภาพระดับเรนเจอร์ส นอกจากนี้ การตกรอบยูโรปาลีกเพลย์ออฟด้วยน้ำมือของทีมจากลีกเบลเยียมก็ยิ่งทำให้แฟนบอลไม่พอใจ

สื่อชื่อดังในอังกฤษและสกอตแลนด์ เช่น BBC Sport และ Sky Sports รายงานตรงกันว่า ปัญหาหลักของมาร์ตินคือการพยายามเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นเร็วเกินไป เขานำระบบการครองบอล 4-3-3 แบบ “การ์ดิโอลา-สไตล์” มาใช้กับทีมที่เคยชินกับระบบรับแน่นสวนกลับของกุนซือคนก่อน ผลคือการเปลี่ยนผ่านไม่ราบรื่นและทำให้นักเตะบางคนแสดงฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐาน

แฟนบอลบางส่วนยังตำหนิการจัดทีมที่ไม่สม่ำเสมอของมาร์ติน โดยเฉพาะในแนวรับที่มักปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นบ่อยครั้งจนขาดความมั่นคง มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นถึง 7 รายในแนวรับตลอด 10 นัดหลังสุด ซึ่งสะท้อนถึงการขาดเสถียรภาพในแผนงานของทีม “เราต้องการเสถียรภาพและความเชื่อมั่น แต่ดูเหมือนเขายังไม่เข้าใจจิตวิญญาณของเรนเจอร์ส” แฟนบอลรายหนึ่งกล่าวผ่านสื่อท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม มาร์ตินยังคงได้รับการยกย่องในแง่ของการให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งหลายคนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เขาเป็นคนที่ให้โอกาสกับผู้เล่นอายุน้อยอย่างเลียม คิง และอเล็กซ์ โลว์รี่ ซึ่งต่างได้รับคำชมในเรื่องพัฒนาการ แม้ผลการแข่งขันจะไม่ดีแต่เขายังสร้างแนวโน้มที่ดีต่ออนาคตของสโมสรในด้านการพัฒนานักเตะ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่หลายทีมใหญ่ในยุโรปให้ความสำคัญ

ในขณะเดียวกัน สื่อวิเคราะห์จากแพลตฟอร์ม ufabet เล่นผ่านมือถือ รองรับ iOS และ Android ได้กล่าวถึงกรณีนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยชี้ว่าการปลดมาร์ตินสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของสโมสรเรนเจอร์สมากกว่าความล้มเหลวส่วนบุคคล เพราะแม้จะเปลี่ยนโค้ชหลายคนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ทีมยังไม่สามารถสร้างความต่อเนื่องในผลงานได้ การบริหารจัดการที่เน้นผลลัพธ์ระยะสั้นอาจทำให้ทีมสูญเสียทิศทางในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมระดับยุโรปต้องระวัง

หลังจากข่าวการปลดออกเผยแพร่ไปไม่นาน สื่อก็เริ่มคาดเดารายชื่อผู้จัดการทีมคนใหม่ทันที โดยมีชื่อของกุนซืออย่าง เกรแฮม พอตเตอร์ อดีตนายใหญ่ของเชลซี และ เดเร็ค แม็คอินเนส ของคิลมาร์น็อค ถูกยกให้เป็นตัวเต็ง ขณะที่บางสื่อรายงานว่า บอร์ดบริหารเรนเจอร์สอาจหันไปมองผู้จัดการทีมต่างชาติที่มีประสบการณ์ในยุโรป เพื่อยกระดับมาตรฐานของทีมให้ใกล้เคียงกับเซลติกมากขึ้น

อดีตผู้เล่นของเรนเจอร์สอย่าง อลัน ฮัตตัน แสดงความคิดเห็นในรายการโทรทัศน์ว่า “ผมรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่บางครั้งในฟุตบอลคุณไม่มีเวลารอให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น เมื่อคุณคุมทีมอย่างเรนเจอร์ส คุณต้องชนะทันที เพราะแฟนบอลไม่ต้องการข้อแก้ตัว” เขากล่าวเสริมว่า “ผมยังเชื่อว่ามาร์ตินมีอนาคตในฐานะโค้ช แต่บางครั้งจังหวะและสภาพแวดล้อมก็ไม่เข้ากัน”

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังส่งผลต่อบรรยากาศในทีม ผู้เล่นหลายคนออกมาโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียเพื่อแสดงความขอบคุณต่อกุนซือหนุ่มรายนี้ โดยกัปตันทีมเจมส์ ทาเวอร์เนียร์ โพสต์ว่า “ขอบคุณบอสสำหรับทุกสิ่ง คุณเข้ามาด้วยพลังและแนวคิดที่ยอดเยี่ยม เสียดายที่เราไม่สามารถทำให้มันสำเร็จร่วมกันได้ ขอให้โชคดีในอนาคต” ข้อความนี้สะท้อนถึงความเคารพที่นักเตะมีต่อมาร์ติน แม้ผลงานจะไม่เข้าเป้าก็ตาม

ในอีกมุมหนึ่งของแฟนบอล สื่อโซเชียลเต็มไปด้วยความคิดเห็นที่แตกต่าง บางส่วนมองว่าการปลดมาร์ตินเร็วเกินไป เพราะเพียง 4 เดือนยังไม่เพียงพอสำหรับการสร้างทีมในแนวทางใหม่ ขณะที่อีกฝ่ายเห็นด้วยกับการตัดสินใจของสโมสร โดยให้เหตุผลว่า “เรนเจอร์สไม่ใช่ที่สำหรับการทดลองระบบการเล่น คุณต้องชนะทุกสัปดาห์” ความเห็นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันมหาศาลของทีมใหญ่ที่ต้องรักษาความคาดหวังของแฟนบอลไว้ตลอดเวลา

ในแง่ของการบริหาร สโมสรเรนเจอร์สมีแนวโน้มจะประกาศชื่อหัวหน้าโค้ชคนใหม่ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อโปรแกรมการแข่งขันในเดือนหน้า ซึ่งรวมถึงศึกยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีกที่พวกเขายังมีลุ้นผ่านเข้ารอบต่อไป บอร์ดบริหารต้องการผู้จัดการทีมที่มีทั้งประสบการณ์และความสามารถในการจัดการกับความกดดันระดับสูง เพราะการนำทีมในลีกที่แฟนบอลมีอารมณ์ร่วมสูงอย่างสกอตแลนด์ไม่ใช่เรื่องง่าย

นักวิเคราะห์จากสำนักต่างประเทศมองว่า การปลดมาร์ตินครั้งนี้อาจส่งผลดีต่อเรนเจอร์สในระยะสั้น หากพวกเขาสามารถดึงกุนซือที่มีประสบการณ์มากกว่าเข้ามาคุมทีม แต่ในระยะยาว สโมสรต้องพิจารณาถึงแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในวังวนของการเปลี่ยนโค้ชอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมใหญ่หลายแห่งในยุโรปเคยประสบมาก่อน

ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลของ คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพัน วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า สิ่งที่เรนเจอร์สต้องทำไม่ใช่เพียงการหาผู้จัดการทีมใหม่ แต่ต้องสร้าง “วัฒนธรรมฟุตบอล” ที่ยั่งยืนซึ่งเน้นความต่อเนื่องในระบบการเล่นและการพัฒนานักเตะเยาวชน เพราะในยุคปัจจุบัน การแข่งขันในลีกยุโรปไม่ได้วัดกันแค่เรื่องงบประมาณหรือชื่อเสียง แต่คือเรื่องของโครงสร้างระยะยาวและการวางแผนอย่างชาญฉลาด ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของการกลับมาครองความยิ่งใหญ่ของเรนเจอร์สอีกครั้ง

หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ สโมสรเรนเจอร์สเคยผ่านยุคทองมากมาย ตั้งแต่ยุคของวอลเตอร์ สมิธ จนถึงสตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 2021 หลังจากรอคอยมานานกว่าทศวรรษ แฟนบอลยังคงคาดหวังว่าทีมจะกลับไปสู่ระดับนั้นได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือสโมสรยังขาด “ความมั่นคง” ในแนวทางการบริหารที่สามารถรักษาความต่อเนื่องของความสำเร็จไว้ได้

สุดท้ายแล้ว การจากไปของรัสเซล มาร์ติน อาจเป็นเพียงอีกหนึ่งบทเรียนของเรนเจอร์สในเส้นทางแห่งความคาดหวัง สโมสรใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งแฟนบอลและสื่อทุกวัน และในโลกของฟุตบอลอาชีพ ความอดทนเป็นสิ่งหายาก การเปลี่ยนแปลงจึงกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โลกฟุตบอลจะจับตามองการเคลื่อนไหวของเรนเจอร์สอย่างใกล้ชิด เพราะการเลือกหัวหน้าโค้ชคนต่อไปอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของสโมสรในอีกหลายปีข้างหน้า หากบอร์ดบริหารสามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง เราอาจได้เห็นการฟื้นตัวของทีมยักษ์ใหญ่จากสกอตแลนด์อีกครั้ง แต่หากพลาดอีกครั้ง วัฏจักรของความไม่แน่นอนอาจยังคงดำเนินต่อไป

ในท้ายที่สุด เรื่องราวของรัสเซล มาร์ติน และเรนเจอร์ส คือเครื่องเตือนใจของวงการฟุตบอลว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน การสร้างทีมต้องการเวลา ความเชื่อใจ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง แม้เส้นทางของเขากับเรนเจอร์สจะจบลงเร็วกว่าที่คาด แต่เขายังคงเป็นโค้ชที่มีแนวทางฟุตบอลชัดเจน และเชื่อว่าในอนาคตเขาจะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในที่ที่เหมาะสมมากกว่า และไม่แน่ว่าผู้ที่ติดตามข่าวสารในแพลตฟอร์มอย่าง ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ อาจจะได้เห็นชื่อของรัสเซล มาร์ติน กลับมาปรากฏบนเวทีลูกหนังอีกครั้งในไม่ช้านี้ ในฐานะกุนซือที่เรียนรู้จากความผิดหวังและพร้อมเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตลูกหนังอย่างมั่นคง.